วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อบรมการจัดดอกไม้ 1

TheVarietyShows-สอนวิธีจัดเชิงเทียนดอกไม้1

ดอกไม้ในวรรณคดี




พุทธชาดเป็นไม้เถากึ่งต้นกึ่งเลื้อย  ต้นแตกกิ่งก้านสาขาเป็นออกไป  สูง 1-2 เมตร  ใบ  ออกเป็นคู่ๆ ตามกิ่ง  ใบยาวประมาณ  6 ซม. สีเขียวสด  ดอกช่อ  ออกเป็นช่อตรงส่วนยอดของกิ่ง  สีขาวและดกมาก  ช่อหนึ่งมีหลายดอกและทยอยผลิบานทุกวัน ดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5- 8 แฉก ดอกบานเต็มที่ประมาณ 1 ซม. กลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี  การขยายพันธุ์  ปักชำ  ตอนกิ่ง  ทับกิ่ง  เพาะเมล็ด  ประโยชน์  ดอกนำมาสกัดเอาน้ำมันหอมระเหย   ถิ่นกำเนิดในจีนและอินเดีย  ปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุมากๆ  น้ำพอสมควร  ความชื้นสูง  ปลูกในที่กลางแจ้งแสงแดดจัด 


 ยี่เข่งมีต้นแตกกอ แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ต้น  ผิวต้นสีเทาเกือบขาว  เรียบ  ลอกได้เป็นแผ่นบางๆ  กิ่งก้านอ่อน มีปีกแคบๆ  ดูเหมือนเป็นรูปสี่เหลี่ยม  ต้นสูงประมาณ 7 เมตร  ใบ เดี่ยว ออกตรงข้ามเรียงเป็นคู่ๆ ไปตามข้อต้น  แต่ใบที่อยู่ตรงส่วนยอดของต้นจะออกสลับกัน   ใบเป็นรูปไข่ โคนใบมน ปลายมนหรือแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบและมัน ท้องใบตรง เส้นกลางใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมเล็กน้อย ใบกว้าง  2-4 ซม. ยาว 2.5- 7 ซม. สีเขียว ใบแทบจะไม่มีก้านใบเลย   ดอกช่อ  ออกเป็นช่ออยู่ที่ยอดของต้น ส่วนล่างของดอกเป็นเส้นกลมเล็กๆ  ส่วนบนบานแผ่ออกเป็นกลีบกลมขอบหยิก มีรอยยับย่น 6 กลีบ  สีม่วง หรือชมพู  ขาว แดงแก่ แดงอ่อน แดงดำ เกสรกลางดอกปลายเป็นตุ้มสีเหลือง  ดอกบานเต็มที่ประมาณ 4 ซม.ดอกเล็กกว่าดอกลั่นทมเล็กน้อย มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกซ้อนกลิ่นหอมเย็น  ผล เมื่อดอกร่วงโรยไปจะเป็นผลรูปทรงกลมยาวประมาณ 1 ซม. กว้างประมาณ 1 ซม. ออกดอกตลอดปี  การขยายพันธุ์  เพาะเมล็ด  ตอนกิ่งปักชำ ประโยชน์  ใบ เป็นยาบำรุงหัวใจ   ดอก ใช้ทาแก้ผดผื่นคัน แก้บิด  รากและเปลือกเป็นพิษใช้ผสมยาแก้โรคผิวหนัง  ถิ่นกำเนิด จีน เป็นผู้นำเข้าตอนปลายรัชกาลที่ 3  เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย  ทนแล้ง น้ำกร่อย น้ำเค็มได้ 


มณฑาเป็นไม้พุ่ม สูง 2-3 เมตร  ต้นกลมเล็ก กิ่งยืดสูง ต้นอ่อนลักษณะคล้ายจะเลื้อย ใบ เดี่ยว ออกสลับ ใบใหญ่ไม่แตกสาขามาก รูปใบหอก  กว้าง 8-12 ซม.  ยาวประมาณ 16 ซม. โคนสอบ  ปลายแหลม แผ่นใบเป็นคลื่นหรือเป็นลอน   ดอก ใหญ่ สีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมแรงตอนเช้า ออกเดี่ยวตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง  ดอกรูประฆังห้อยลง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียวอ่อนอมเทา หนาและแข็ง  เวลาบานไม่คลี่เต็มดอก กลิ่นหอมแรง ผล เป็นผลรวม ออกดอกตลอดปี  การขยายพันธุ์   เพาะเมล็ด   ตอนกิ่ง ประโยชน์ เป็นไม้ประดับที่มีกลิ่นหอม  ถิ่นกำเนิด  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ชอบที่ร่มรำไร


รำเพยเป็นไม้พุ่ม  สูง 2-3 เมตร  ทรงพุ่มโปร่ง ต้นมียางขาวข้น ยางเป็นพิษ  ใบ เดี่ยว เรียวยาว ดอกช่อ ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบปลายกิ่งช่อละ 3-8 ดอก ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายกลีบแยกจากกันคล้ายรูประฆัง  มีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ส้ม  ผล  เป็นรูปสี่เหลี่ยม สีเขียว เมื่อแก่จัดเป็นสีดำ  เมล็ด    มี 1-2 เมล็ด  ออกช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว  ออกดอกตลอดปี  การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง ประโยชน์  เป็นไม้ประดับ ถิ่นกำเนิด จากอเมริกาเขตใต้


ชายผ้าสีดาเป็นพืชอิงอาศัย มีเหง้าสั้น ยาวไม่เกิน 1 ซม. มีใบเป็นแผ่นซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดหุ้มอยู่ ใบนี้ยาวได้ถึง 10 ซม. แยกเป็น 2 แฉก มีเส้นแผ่นใบเห็นได้ชัดทั้ง 2 ด้าน เส้นใบก็แตกเป็น 2 แฉก ด้วยเส้นใบย่อยเป็นตาข่าย ใบหนาและอวบน้ำ ที่โคนก้านใบ สีเขียว ใบปกติยาวได้ถึง 50 ซม. ห้อยลง แยกเป็น 2 แฉก แฉกแคบเห็นเป็น 2 แฉกชัดเจน ใบหนามีขนรูปดาว ใต้ใบที่ด้านล่างปกคลุมด้วยสปอร์ ปนกับเส้นแทรกที่เป็นรูปดาว มีหัวกลมโตเกาะตามกิ่งไม้ใหญ่  มีกาบใบเป็นแฉก  ห้อยย้อยลงมายาวงามเหมือนชายผ้าขาดติดต้นไม้
การขยายพันธุ์ แยกหน่อหรือหัวเล็กๆ
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ   หัวตากแห้งใช้ปลูกชำกล้วยไม้เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น
ถิ่นกำเนิด อินเดียตะวันออก พม่า ยูนนานถึงมาเลเซีย
 


มหาหงส์เป็นไม้ล้มลุก  ต้นอยู่ใต้ดิน ชูใบขึ้นเหนือพื้นดินเป็นกอ  สูงถึง 2 เมตร  ใบ เดี่ยว รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน โคนสอบแคบ  ปลายเรียวแหลม   ดอกช่อ โต ออกที่ยอด สีขาวนวล หรือ เหลืองแซม ออกเป็นช่อตลอดปี ไม่บานทั้งช่อ ทยอยกันบาน  เริ่มหอมเวลาเย็น ใบประดับหนา ยาว 2-3 ซม. ภายในมีดอก 3- 4 ดอก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ผล รูปทรงกระบอก สีแดงอมส้ม เมล็ด สีน้ำตาลแดง  การขยายพันธุ์ แยกหัวใต้ดิน ประโยชน์ หัวใต้ดินต้มกับน้ำ ใช้เป็นยากลั้วคอ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ใช้น้ำคั้นทาแผลบวม  ถิ่นกำเนิด  แถบเทือกเขาหิมาลัย  ชอบขึ้นในที่ชื้นสูง เจริญงอกงามในดินแทบทุกชนิด และที่มีน้ำมาก  มีแดดรำไรจนถึงแสงแดดจัด ต้องระวังรากเน่า  
















ทรงบาดาลเป็นไม้ต้นขนาดกลาง   สูง 3 - 5 เมตร  ชอบอยู่กลางแจ้ง  ต้นมีสีน้ำตาล
ใบ รวม  มีใบย่อย 5-6 คู่  เป็นรูปขอบขนานแบบขนนก  โคนและปลายมน สีเข้ม มีใบหนาทึบที่ยอด
ดอกช่อ ออกดอกที่ปลายกิ่งและซอกใบเป็นช่อตั้ง  สีเหลือง  มี 5 กลีบ ฝัก  แบนยาว  ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์   เพาะเมล็ด  ตอนกิ่ง
ประโยชน์   รากเป็นยาถอน พิษไข้   แก้สะอึกเนื่องจากกระเพาะอาหาร   เป็นไม้มงคลถือว่าดลบันดาลให้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นที่เกรงขามของผู้อื่น  นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ถิ่นกำเนิด เอเชียเขตร้อน จาไมก้า


โมกเป็นไม้พุ่ม สูง 2- 5 เมตร  เปลือกต้นสีน้ำตาลแก่ มีจุดสีขาวทั่วไป  ใบ เดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้าม  เป็นรูปไข่หรือเป็นรูปรี  โคนและปลายแหลมหรือมน  สีเขียวเป็นมัน ดอกช่อ  เล็ก สีขาว โคนกลีบดอกเชื่อมกันเล็กน้อย  กลีบดอก 5 กลีบ ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่ง ช่อละ 5-7 ดอก กลิ่นหอมเวลาเย็นและกลางคืน ผล เป็นฝักคู่ ปลายโค้งเข้าหากัน เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก  เมล็ด  จำนวนมาก มีขนสีขาวเป็นกระจุกที่ปลาย  ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์  เพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง ประโยชน์  รากใช้รักษาโรคผิวหนัง  แก้พิษสัตว์กัดต่อย ใบ ใช้ขับน้ำเหลือง ดอก เป็นยาระบาย  เปลือก เป็นยาเจริญอาหาร รักษาโรคไต ยางจากต้นแก้บิด  มักปลูกเป็นไม้ประดับ ถิ่นกำเนิด  พม่า  เวียดนาม เขมร มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นพันธุ์ไม้ที่คนชอบแต่งเป็นรูปต่างๆ  ชอบขึ้นในที่ชุ่มชื้น 


ซ่อนกลิ่นเป็นไม้หัว  ต้นสูงประมาณ  60 ซม.
ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับ
ช่อดอก ออกกลางลำต้น ช่อดอกยาว มี 6 กลีบ สีขาว กลิ่นหอมแรงเวลากลางคืน
การขยายพันธุ์   แยกเหง้า
ประโยชน์   ปลูกเป็นไม้ดอก  ดอกตากแห้งใส่แ กงจืดรับประทาน 
ถิ่นกำเนิด แถบอเมริกาใต้ แถวเขาแอนดีส  ชาวสเปนนำมาปลูกในฟิลิปปินส์  จีนนำมาอีกต่อหนึ่ง เข้ามาในเมืองไทยก่อน 200 ปีมาแล้วในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช


ประโยชน์ของกาหลง
ในด้านสมุนไพรรักษาโรค คนไทยใช้ส่วนต่างๆ ของกาหลงดังนี้
ใบ : รักษาแผลในจมูก
ต้น : แก้โรคสตรี แก้ลักปิดลักเปิด แก้เสมหะ
ราก : แก้ไอ แก้ปวดศีรษะ ขับเสมหะ แก้บิด
ดอก : แก้ปวดศีรษะ ลดความ ดันเลือด แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เสมหะ 

แก้อาเจียนเป็นเลือดในด้านไม้ดอกไม้ประดับ กาหลงมีรูปร่างใบและทรงพุ่มงดงาม
 จัดแต่งทรงพุ่มได้ง่าย ออกดอกได้ยาวนาน และปลูกดูแลรักษาได้ง่าย 
จึงนิยมนำมาปลูกในบริเวณอาคารบ้านเรือน และที่สาธารณะปกติกาหลงผลัดใบใน
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-ธันวาคม) เริ่มแตกใบอ่อนในฤดูร้อน (เมษายน-พฤษภาคม)
และเริ่มออกดอกช่วงฤดูฝนกาหลงปลูกง่าย ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด ไม่ต้องการปุ๋ยมาก

 เพราะเป็นพืชตระกูลถั่ว สามารถจับปุ๋ยจากอากาศได้เอง ชอบแดดจัดและขยายพันธุ์ได้ง่าย 
ทั้งการตอนและเพาะเมล็ด หากปลูกจากเมล็ดใช้ เวลาราว 2-4 ปี ก็จะออกดอกติดฝักได้แล้ว